วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทัศนศึกษา

พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี (อาคารราชินูทิศ)
ชื่อพิพิธภัณฑ์ : พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : เทศบาลนครอุดรธานี
ผู้รับผิดชอบหลัก : สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี
โทรศัพท์ 042-325176-85
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่อาคารราชินูทิศ อาคารเก่าสมัยรัชกาลที่ 6
อยู่ริมถนนโพศรี ใกล้วัดโพธิสมภาร ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี
พิพิธภัณฑ์เมืองจังหวัดอุดรธานีตั้งอยู่ริมถนนโพศรี ใกล้วัดโพธิสมภรณ์
ตัวอาคารสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2463 โดยดำริพระยาศรีสุริยราชวรรานุวัตร สมุหเทศาภิบาล
สำเร็จราชการมณฑลอุดร คุณหญิง ข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนในจังหวัด
เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนสำหรับโรงเรียนนารีอุปถัมภ์
สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2468 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามโรงเรียนขึ้นใหม่ว่า “ราชินูทิศ”
จึงเป็นชื่อเรียกอาคารหลังนี้สืบมา
อาคารราชินูทิศได้ใช้เป็นอาคารสำนักส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง เมื่อพ.ศ. 2473และเมื่อปีพ.ศ. 2503 ใช้เป็นสำนักโครงการพัฒนาการศึกษาส่วนภู มิภาคจนต่อมาพ.ศ. 2516 ใช้เป็นอาคารสำนักงานศึกษาธิการเขตเขตการศึกษา 9
และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี และในปีพ.ศ.2547 จังหวัดอุดรธานี
ได้มอบหมายให้เทศบาลนครอุดรธานี เป็นผู้ดูแลรักษา
อาคารราชินูทิศเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่อด้วยอิฐถือปูน รูปทรงแบบตะวันตก หลังคาทรงปั้นหยา
หน้าต่างโค้ง มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าซุ้มประตู
ปัจจุบันได้ปรับปรุงอาคารดังกล่าวนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี




ภาพการศึกษาดูงาน











































งานถ่ายภาพ

งานถ่ายภาพ

เส้นนำสายตา


สมดุลย์ที่ไม่เท่ากัน






สมดุลย์ที่เท่ากัน

เน้นภาพด้วยกรอบ






โคสอัพ











รูปแบบ


ลักษณะพื้นผิว

น้ำหนักสี

























วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การใช้เทคโนโลยีในการสอน

กิจกรรมเสริมประสบการณ์
ระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 1
หน่วยที่ 1 เรื่องการวดภาพ โดยใช้คอมพิวเตอร์ เวลา 1 ชั่วโมง
สอนวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552 โดยนางธัญยธรณ์ แจคำ
วัตถุประสงค์
เพื่อให้นักเรียนรู้จักการใช้คอมพิวเตอร์ในการวาดรูป
เพื่อให้นักเรียนใช้โปรแกรมการวาดรูปในคอมพิวเตอร์ได้อย่างคล่องแคล่ว

วิธีการที่ใช้
ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปโดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์
เนื้อหาบทเรียน
บทนำ
1. ครูเล่านิทานเรื่อง แม่วัวกับอึ่งอ่างให้นักเรียนฟังโดยใช้รูปภาพในคอมพิวเตอร์เป็นสื่อ
2. ให้นักเรียนสังเกตรูปภาพในคอมพิวเตอร์ แล้วครูซัก-ถามว่าในนิทานมีรูปอะไรบ้างและรูปภาพ
เหล่านี้มาได้อย่างไร
3. ครูอธิบายเกี่ยวกับที่มาของรูปภาพที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์
กิจกรรมการเรียนการสอน
ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็น 8 กลุ่ม ๆละ 3 คน
ครูอธิบายเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ให้นักเรียนฟังและบอกส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
ครูเข้าสู่โปรแกรม Paint ให้นักเรียนทุกกลุ่ม
ครูสั่งงานให้นักเรียนวาดภาพตามจินตนาการ
ครูตรวจผลงานของนักเรียนแล้วซักถามว่านักเรียนวาดรูปอะไร
สื่อและเทคโนโลยี
โปรแกรมสำเร็จรูปโดยใช้สื่อ Computer
นิทานเรื่อง แม่วัวกับอึ่งอ่าง
วิธีการส่งผ่านเนื้อหา
ทาง Power Point Online

การวัดผลประเมินผล
สิ่งที่ต้องประเมิน
สังเกตนักเรียนในการใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรม Paint
สังเกตนักเรียนวาดภาพโดยใช้คอมพิวเตอร์ได้
สังเกตนักเรียนร่วมสนทนากับครูและเพื่อนได้อย่างสนุกสนาน

เครื่องมือการประเมิน
แบบสังเกตการประเมินพัฒนาการของนักเรียน
แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนเป็นรายบุคคล
นิทานเรื่อง แม่วัวกับอึ่งอ่าง
แม่วัวตัวหนึ่งเดินและเล็มหญ้าไปตามชายทุ่ง หญ้าอ่อนอันเอร็ดอร่อยนั้นได้ทำให้แม่วัวกินไปอย่างเพลิดเพลินจนลืมมองดูสิ่งอื่นๆ ไป เท้าอันใหญ่และหนักอึ้งของแม่วัวได้ไปเหยียบเอาลูกอึ่งอ่างที่หาอาหารกินอยู่แถวๆ นั้น ตายไปเกือบหมดมีรอดอยู่ก็เพียงตัวเดียวเท่านั้น เมื่อแม่อึ่งอ่างกลับมา ลูกอึ่งอ่างตัวที่เหลืออยู่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แม่มันฟังทั้งหมด แต่ลูกอึ่งอ่างไม่รู้จักวัว จึงเพียงแต่บอกว่าตัวมันโตมาก แม่อึ่งอ่างได้ฟังดังนั้นก็พองลมให้ตัวอ้วนขึ้นพลางถามว่า “มันใหญ่เท่าแม่ได้ไหม” ลูกอึ่งอ่างจึงตอบว่า “มันยังใหญ่กว่าแม่มากนัก” แม่อึ่งอ่างจึงเบ่งพองลมให้ตัวโตขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับถามลูกว่า “เท่าหรือยัง ๆ” แต่ลูกอึ่งอ่างก็ยังยืนกรานอยู่ว่า “ยังไม่เท่าหรอกแม่ ยังเล็กอยู่มากนัก” แม่อึ่งอ่างจึงเบ่งขึ้นอีก ในที่สุดแม่อึ่งอ่างก็เบ่งพองลมจนท้องแตกตายอยู่ตรงนั้นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าทำสิ่งใดที่ใหญ่เกินความสามารถตน

แผนการจัดประสบการณ์ระดับปฐมวัยปีที่ 1

ยินดีต้อนรับสู่

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ปฐมวัยระดับปีที่ 1

โรงเรียนอนุบาลอินนัดดา

ต.นากลาง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู

เขตพื้นที่การศึกษาที่ 2 จังหวัดหนองบัวลำภู

สอนโดย นางธัญยธรณ์ แจคำ

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ปฐมวัยระดับปีที่ 1

เป็นการพัฒนาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อทุกส่วนและพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ของเด็กอายุ 3 - 6 ปี


จุดประสงค์
1.เพื่อให้นักเรียนบอกเกี่ยวกับลักษณะของปลา

2. เพื่อให้นักเรียนบอกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของปลา

3.เพื่อให้นักเรียนบอกเกี่ยวกับอาหารปลาได้


เนื้อหา
ปลาเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่อาศัยอย่ในน้ำ ปลาแบ่งออกได้เป็น 2 ชนืด คือ สัตว์น้ำจืดและสัตว์น้ำเค็ม

อาหารของปลา แบ่งออกเป็น 2 ชนิด

1. อาหารตามธรรมชาติ เช่น ลูกน้ำ, ไรแดง

2. อาหารสำหรับปลาที่เลี้ยงตามตู้

กิจกรรมการเรียน
ขั้นนำ

1. ครูร้องเพลง " ทะเลแสนงาม "

2. ครูให้นักเรียนร้องเพลงพร้อมทำท่าทางประกอบเพลง

3. ครูซักถามเกี่ยวกับเนื้อเพลงว่ามีสัตว์อะไรบาง

กิจกรรมการเรียนการสอน

1. ครูซักถามนักเรียนมีใครรู้จักปลาบ้าง

2. ครู - นักเรียนร่วมสนทนาเกี่ยวกับลักษณะของปลา , ที่อยู่อาศัย , อาหารของปลา

3. ครูให้นักเรียนออกมาเล่าเกี่ยวกับลักษระของปลาที่นักเรียนรู้จัก


สื่อและแหล่งเรียนรู้
สื่อและแหล่งเรียนรู้

1. เพลง " ทะเลแสนงาม "

2. รูปภาพปลา

3. ปลาของจริงและอาหารปลา


การวัดและประเมินผล
การวัดผลและประเมินผล

เครื่องมือ

- การสังเกต

การประเมินผล

- พัฒนาการทั้ง 4 ด้าน

เกณฑ์การประเมิน

1 พอใช้

2 ดี

3 ดีมาก






เพลง
เพลง ทะเลแสนงาม

โอ้ทะเลแสนงาม แสนง๊าม แสนงาม ฟ้าสีครามสดใส สดใส๊ สดใส

มองเห็นเรือใบ เรือใบ๊ เรือใบ อยู่ในท้องทะเล ทะเล๊ ทะเล(ซ้ำ)

หาดทรายงามเห็นปู เห็นปู๊ เห็นปู ดูซิดูหมู่ปลา หมู่ปล๊า หมู่ปลา

กุ้งหอยนานา นานา นานา อยู่ในท้องทะเล ทะเล๊ ทะเล (ซ้ำ)

ป้ายนิเทศสื่อทางเสียง

สื่อทางเสียง

สื่อทางเสียง
จัดทำโดย
นางสุธีรา มงคล

นางบัวสอน ชาวกล้า
นางธัญธรณ์ แจคำ
นางสาวศิริรัตน์ สุวรรณ
นางสาวศุภัคษร พรหมสิทธิ
นางสาวสุพรรษา คำพันธ์
...............................
สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทักษะประสบการณ์จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ สื่อทางเสียงนับเป็นสื่อสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเรียนการสอนเนื่องจากครูผู้สอนสามารถทำให้นักเรียนเข้าใจมากกว่าการเห็นภาพเพียงอย่างเดียวการใช้สื่อทางเสียงช่วยในการจัดการเรียนการสอนจำเป็นต้องมีเครื่อง
มือประเภทโสตทัศนูปกรณ์เข้ามาร่วมด้วยเช่น เครื่องเสียง ไมโครโฟน โสตวัสดุ เช่น เครื่องบันทึกเสียง เครื่องรับวิทยุ เครื่องเล่นแผ่นเสียง แผ่นเสียง เป็นต้น
เครื่องเสียง เครื่องเสียงมีลักษณะที่เป็นอุปกรณ์ที่เป็นสื่อผ่านตัวกลางหรือผ่านตัวใน การถ่ายทอดเนื้อหาประเภทเสียงจากมนุษย์และแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆให้มีเสียงดังเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ได้ยินระยะไกลและเพิ่มความดัของเสียงเพื่อให้ผู้ฟังจำนวนมากได้ยินอย่างชัดเจน
องค์ประกอบของเครื่องเสียง ประกอบด้วยภาคสัญญ่ณเข้า(ไมโครโฟน) ภาคขยายสัญญาณสัญญาณ ภาคสัญญาณออก(ลำโพง)
เครื่องเทปเสียง เครื่องเทปเสียงเป็นอุปกรณ์ในภาคสัญญาณเข้า เพื่อบันทึกเสียงต่างๆลงบนแถบเทปผ่านหัวเทปโดยใช้การเคลื่อนที่ของแถบเทปผ่านหัวเทปซึ่งอาศัยหลักทึการเหนี่ยวนำของคลื่นไฟฟ้าความถี่เสียง เมื่อบันทึกเสียงแล้วจะมีการนำมาเล่นเพื่อส่งไปยังภาคขยายศัญญาณและถ่ายทอดเป็นคลื่นเสียงธรรมชาติให้ได้ยินต่อไป
ประเภทของเครื่องเทปเสียง เครื่องเทปเสียงแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามลักษณะของตลับเทป ได้แก่
1. แบบม้วนเปิด (open reel) เป็นเทปบันทึกเสียงที่ให้คุณภาพเสียงดีเหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ เช่น เสียงดนตรี รายการวิทยุ เป็นต้น
2. แบบกล่อง (cartridge) หรือเรียกทับศัพท์ว่า "เทปคาทริดจ์"เป็นเทปที่บรรจุอยู่ในกล่องมีขนาดความกว้างของเทป 1/4 นิ้ว พันเป็นวงปิดระหว่างวงล้อ 2 วง โดยจะมีการเล่นเทปวนซำไปมาไม่รู้จบ เทปแบบนี้นิยมใช้ในงานสปอตวิทยุ
3. แบบตลับคาสเซ็ต (cassette) เป็นเทปบันทึกเสียงที่อยู่ในตลับพลาสติกแบนเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไปมีขนาดความกว้างแถบเทป 1/8 นิ้ว
4. แบบตลับคาสเซ็ตเล็ก (micro cassette) มีลักษณะเช่นเดียวกับเทปคาสเซ็ตธรรมดาแต่บรรจุในขนาดเล็กกว่ามีความยาวในการเล่นเพียง 15 นาที่เท่านั้น
การใช้งาน เครื่องเทปเสียงจะมีขั้นตอนสำคัญในการใช้งาน 3 ลักษณะ
1. การบันทึกเสียง (record) เครื่องเสียงเทปไม่ว่าประเภทใดก็ตาม จะมีการบันทึกแผ่นเสียงลงบนแถบเทปโดยอาศัยหลักการเดียวกันคือ คลื่นเสียงที่ป้อนเข้าไมโครโฟนซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้าจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าความถี่เสียงแล้วขยายโดยเครื่องขยายเสียงให้มีกำลังแรงขึ้นเพื่อส่งไปยังหัวเทปซึ่งมีลักษณะเป็นขดลวดพันรอบแกนเหล็ก
2. การเปิดฟัง (play back) เป็นการนำแถบเทปที่มีการบันทึกเสียงแล้วในรูปของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเปิดฟังในขณะที่แถบเทปเคลื่อนผ่านหัวเทปจะทำให้เกิดกรกะแสไฟฟ้าความถี่เสียง แล้วส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียง
3. การลบเทป (erase) เป็นการลบเสียงที่มีการบันทึกไว้แล้วโดยให้แถบเทปเคลื่อนที่ผ่านหัวเทปหรือสนามแม่เหล็กที่มีกำลังสูง ซึ่งจะทำให้โมเลกุลแม่เหล็กบนแถบเทปถูกทำให้เป็นระเบียบใหม่แล้วจะทำให้เสียงที่ถูกบันทึกไว้แล้วหายไป
ตังอย่างสื่อทางเสียง
1.วิทยุ
วิทยุ เป็นสื่ออุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารรับส่งข่าวสารข้อมูลทางเสียงดดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย การใช้วิทยุเพื่อเป็นสื่อมวลชนเพื่อเป็นการศึกษาในประเทศไทยเริ่มขึ้นในปี
พ.ศ2497 โดยใช้วิทยุในการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบดรงเรียน ถ้าเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียนจะเรียกว่า"วิทยุโรงเรียน" ถ้าเป็การสึกษานอกระบบโรงเรียนจะเป็นในลักษณะ"วิทยุไปรษณีย์" ซึ่งเราเรียกวิทยุเพื่อการศึกษานี้ว่ารวมกันว่า "วิทยุศึกษา"
การใช้วิทยุเพื่อการศึกษา
การใช้วิทยุเพื่อการศึกษาสามารถนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆได้แก่
1.การสอนโดยตรงเป็นวิทยุที่ใช้เพื่อสื่อการสอน โดยตรงในบางวิชาหรือบางตอนของบทเรียนรายการวิทยุที่ใช้สอนจึงเป็นการเสนอเนื้อหาตามบทเรียนในหลักสูตร บทเรียนการสอนทางวิทยุโดยตรงนี้อาจใช้ได้ในสถานที่ ที่ขาดแคลนครู หรือครูผู้สอนอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นเพียงพอก็ได้ จึงต้องใช้รายการวิทยุแทน การสอนโดยใช้วิทยุสามารถกระทำได้ดังนี้
ก.ใช้เป็นเครื่องมือในการสอน โดยผู้สอนจะวางแผนการสอนโดยนำรายการวิทยุเข้าในกระบวนการสอนด้วย หรือการใช้วิทยุเป็นสื่อเข้ามามีบทบาทเพื่อสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งแทนผู้สอนโดยตรงในห้องเรียน ซึ่งผู้สอนจะต้องศึกษาจากตารางเวลาออกอากาศที่กำหนดไว้เพื่อนำรายการนั้นมาสอนให้ตรงเวลาของตน
ข.ใช้เป็นแหล่งการเรียนรู้ เป็นการบันทึกเสียงรายการวิทยุที่ใช้สอนในบทเรียนต่างๆไว้ในเทปเสียงแล้วรวบรวมไว้ในห้องสมุด เพื่อให้ผู้เรียนสามารถยืมออกไปเปิดฟังและศึกษาด้วยตนเองเพื่อการเรียนรู้ หรือาจใช้เพื่อทบทวนบทเรียนและสอนเป็นกลุ่มย่อยก็ได้
ค.ใช้เพื่อเป็นสื่อหลักในการศึกษาตามหลักสูตร ด้วยการจัดการสอนแก่ผู้เรียนในระบบการศึกษาแบบทางไกล โดยให้ผู้เรียนฟังรายการสอนจากวิทยุเป็นหลักและการศึกษาเพิ่มเติมจากสื่ออื่นๆเช่น สื่อสิ่งพิมพ์หรือการพบกลุ่ม เพื่อเสริมความรู้จากบทเรียนที่ได้ฟังมา
ง.เพื่อเสริมในการศึกษาระบบเปิด ด้วยการใช้รรายการววิทยุเพื่อเป็นสื่อส่งเสริมประเภทหนึ่งในระบบการศึกษาทางไกล โดยใช้ร่วมกับสื่ออื่นๆเช่น โทรทัศน์หรือสิ่งพิมพ์เป็นต้น
จ.ใช้เป็นอุปกรณ์ในการฝึกอบรม เป็นการใช้รายการวิทยุหรือเทปบันทึกเสียงรายการนั้นๆเพื่อการสอนหรืออบรมในหน่วยงาน
2.การเพิ่มคุณค่าในการสอน เป็นการใช้รายการวิทยุเพื่อปรุงแต่งและเสริมคุณค่าของการสอนในบางวิชาให้มีประสิทธิผลสูงขึ้น โดยการเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรหรือบทเรียนนั้นให้ผู้เรียนฟังเพื่อให้มีความรู้ความเจในสิ่งที่เรียนนั้นแตกฉานยิ่งขึ้น เช่น การสอนภาษาต่างประเทศโดยพูดจากเจ้าของภาษา การบรรเลงดนตรี เป็นต้น
วิทยุดรงเรียนคืออะไร
วิทยุดรงเรียนป็นสื่อการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นบริการสื่อเพื่อการศึกษา สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษาทั่วประเทศ วิทยุดรงเยนเป็นสื่อผสมกล่าวคือเป็นการใช้สื่อวิทยุกระจายเสียงประกอบกับสื่อสิ่งพิมพ์ คือ คู่มือการสอนของครู บัตรภาพ บัตรคำ สำหรับนักเรียนด้วย เนื้อหาของวิทยุโรงเรียนได้จัดให้สอดคล้องกับเนื้อหาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการปัจจุบันวิทยุโรงเรียนจัดทำบทเรียนรายวิชาต่างๆสำหรับระดับประถมศึกษาทุกกลุ่ม
ประวัติการดำเนินงานโครงการวิทยุโรงเรียน
ความเป็นมา กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินงานจัดตั้งโครงการบริการวิทยุกระจายเสียงเพื่อการศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ.2497 โครงการนี้มรนโยบายใช้วิทยุเป็นสื่อนำวิทยาการใหม่ๆทั้งนี้โดยกำหนดการจัดรายการเป็น 2 ภาคคือ